พระเจ้าผู้ทรงอดทน


สรุปบางส่วนจากหนังสือ "ครอบครัวป่วนรัก" (The Marriage Mess) เขียนโดย Jack T. Chick


กาลาเทีย 5:16-24  ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือ...ความอดกลั้นใจ - กาลาเทีย 5:22

ทำไมความอดทนของเราจึงมลายหายไปเมื่อต้องเจอรถติดและไปไม่ทันนัดสำคัญ? หรือเมื่อเรารีบเร่งไปต่อแถวในช่องจ่ายเงินสำหรับ สินค้าไม่เกิน 10 ชิ้นแต่คนที่ยืนอยู่ก่อนเรามีของ 16 ชิ้น! การถูกบีบให้รอคอย ทำให้ความเครียดค่อยๆ เพิ่มขึ้นและทำให้เราหมดความอดทน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นเราไม่เพียงแต่ล้มเหลวที่จะอดทน แต่ยังได้ยับยั้งการทำงานของพระวิญญาณในชีวิตของเราด้วย

ความอดทนไม่ได้เป็นเพียงสิ่งดีงาม แต่ยังเป็นผลของพระวิญญาณด้วย (กท.5:22) หมายความว่าการแสดงออกว่าขาดความอดทนทำให้คนอื่นเห็นผลเปรี้ยวแห่งหัวใจที่ล้มเหลวของเรา แทนที่จะเป็นความหวานของพระเยซูในชีวิตของเรา  เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้อดทน เมื่อเราละทิ้งความอดทน เราก็พลาดโอกาสที่จะได้แสดงให้โลกนี้ได้เห็นพระสิริของพระเจ้าผ่านทางชีวิตของเรา 

การระเบิดอารมณ์มีแต่จะทำให้เห็นว่าเราคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองมากกว่าความลำบาก
และความจำเป็นของผู้อื่น ดังนั้นในช่วงเวลาที่ตึงเครียดให้เราหายใจเข้าลึกๆ
และหันจุดสนใจออกจากตนเอง โดยการรักผู้อื่นด้วยความอดทนแทนการรักตัวเอง

วลีที่บอกว่า เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้อดทน แตะใจเรา รู้สึกเหมือนถูกพระเจ้าเตือนว่า พระเจ้าทรงอดทนอดกลั้นกับความเหลวไหลของเรามาแสนนาน ทั้งสอน ทั้งเตือน ทั้งตี คอยปรับปรุงแก้ไข รอเวลาให้เราเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย นั่นเพราะพระองค์ทรงรักเรา แล้วเราปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ยังไง?

รัก = อดทน+รอคอย ส่วนผสมที่แยกกันไม่ออก ถ้าขาดส่วนไหนไป ความรักนั้นก็ไม่สมบูรณ์อย่างแท้จริง แต่การอดทนและรอคอยไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้หลายคน รวมทั้งตัวเราเองมักจะจัดการปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการของตัวเอง แต่วิธีการของพระเจ้าแตกต่างจากวิธีการของมนุษย์เสมอ แทนที่จะตอบโต้ พระองค์กลับสอนให้เรานิ่งและรอคอยด้วยการอธิษฐาน การยินยอมที่จะทำเช่นนั้นเป็นการฝึกชีวิต และทำให้พระสิริของพระเจ้าสามารถส่องผ่านเราได้

สดุดี 25:7 “ขออย่าทรงนึกถึงบาปในวัยหนุ่มของข้าพระองค์
หรือการละเมิดของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า..ด้วยเห็นแก่ความดีของพระองค์
ขอทรงนึกถึงข้าพระองค์ด้วยเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์

คำอธิษฐานของดาวิดสะท้อนถึงความต้องการในจิตใจเราด้วยเช่นเดียวกัน เราไม่อยากให้พระเจ้าระลึกถึงความบาปของเรา แต่ต้องการให้พระองค์นึกถึงเราด้วยความรักและการให้อภัย ในทำนองเดียวกันพระเจ้าสอนเราให้มองคนอื่นด้วยความรัก ไม่ใช่มองสิ่งที่เค้ากระทำ พระเจ้าสอนให้เราปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนกับที่เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา

เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการเปลี่ยนแปลง โดยมีแบบอย่างคือองค์พระเยซูคริสต์ เราทุกคนต่างกำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้างเรา ซึ่งเมื่อเรายินยอมที่จะฟังและเรียนรู้เพื่อ ที่จะเติบโตขึ้น เราก็จะพบว่าเราไม่ได้กำลังเผชิญสถานการณ์เหล่านี้เพียงลำพัง แต่เรามีผู้ช่วยคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่คอยเสริมกำลังให้กับเรา และโดยทางพระองค์นั้นเราก็ได้รู้ว่า พระบิดาในสวรรค์ก็ได้ทรงส่งกำลังใจผ่านข้อความต่างๆเหล่านี้มาถึงเราและทรงกำลังลุ้นให้ลูกๆของพระองค์ผ่านด่าน

ไม่ว่าในวันนี้ จุดอ่อน ของเราแต่ละคนคืออะไร อย่าท้อใจ แต่โปรดจำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่กิ่งก้านเสียที่พระเจ้ากำลังค่อยๆ ลิดมันออกไปทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้เราเป็นต้นที่สมบูรณ์สวยงามพร้อมที่จะเกิดผล การลิดเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และบางครั้งเราต้องยอมตายต่อตัวเอง ยอมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เพื่อให้กำแพงบางอย่างในใจเราถูกพังลง แล้วพระเจ้าจะทรงใส่สิ่งใหม่เข้าไปแทนที่ แล้ว ชีวิตที่เป็นกลิ่นหอม จะกลายเป็นคำจำกัดความถึงตัวเราในที่สุด


สรุปคำแบ่งปันโดย น้องเปิ้ล ไอริณ